ท้องเสียโรคที่ไม่ได้มากับดวง แต่มากับการที่เรารับประทานอาหารไม่ระมัดระวัง ซึ่งจะแถมเชื้อโรคที่เราไม่ทันตั้งตัว และเชื้อโรคแต่ละตัว ก็เป็นสาเหตุของอาการท้องเสียในแต่ละรูปแบบ แล้วเราจะรู้ได้ยังว่าแต่ละสาเหตุจะต้องรับประทานยาบรรเทาอาการท้องเสียหรือไม่ หรือรอให้หายเอง วันนี้เรามีคำตอบ ให้คลายข้อสงสัยกัน
อาการตามนี้ “ท้องเสีย” แน่นอน
มีอาการถ่ายอุจจาระเหลวมากกว่า 3 ครั้งขึ้นไป ใน 1 วัน และอาการร่วมอื่น ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ได้แก่
ท้องเสีย..จากการติดเชื้อแบคทีเรีย
สาเหตุนี้นอกจากจะถ่ายเหลวแล้ว ตัวแบคทีเรียจะทำให้เยื่อบุในลำไส้เกิดการอักเสบ ดังนั้นเมื่อเราขับถ่ายจะมีมูกเลือดปะปนมาด้วย และจะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยตามตัวร่วมด้วย
การรักษา: การใช้ยาปฏิชีวนะฆ่าแบคทีเรีย นอร์ฟลอกซาซิน, ซิโปรฟลอกซาซิน เป็นต้น ทั้งนี้ควรใช้ยาภายใต้การแนะนำของเภสัชกร
ท้องเสีย…จากการติดเชื้อไวรัส
สาเหตุเกิดจากไวรัสที่ปนเปื้อนมากับอาหาร โดยจะมีอาการปวดท้อง อาเจียนบ่อยครั้ง มีไข้สูง ถ่ายเหลวเป็นฟอง และอุจจาระมีกลิ่นเปรี้ยวร่วมด้วย
การรักษา: ไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพียงดื่มเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนเมื่อร่างกายขาดน้ำ ซึ่งอาการนี้จะนำไปสู่ภาวะช็อกได้
ท้องเสีย…จากการติดเชื้อโปรโตซัว
สาเหตุนี้จะมีอาการปวดท้อง ถ่ายกะปริดกะปรอย อุจจาระมีมูกเลือดปน และมีกลิ่นคล้ายหัวกุ้งเน่า
และเป็นฟอง
การรักษา: การติดเชื้อโปรโตซัว ถือว่ารุนแรง ควรได้รับการรับรักษาในโรงพยาบาล ในการดูแลของแพทย์
ท้องเสีย…จากสารพิษจากอาหารเป็นพิษ
สาเหตุนี้จะปวดท้อง ขับถ่ายเหลว และมีอาการอาเจียนค่อนข้างเด่นชัด ซึ่งท้องเสียแบบนี้เรียกว่า อาหารเป็นพิษ นั่นเอง!
การรักษา: ดื่มเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนเมื่อร่างกายขาดน้ำ หรือรับประทานยาที่ช่วยในการดูซับร่วมด้วย เช่น ยาผงถ่าน เป็นต้น
ที่สำคัญ!…ไม่ว่าจะท้องเสียแบบไหน เกิดจากสาเหตุอะไร ไม่ควร “กินยาหยุดถ่าย” เด็ดขาด!!!